Jackie (2016)
Jackie (2016)
Directed by Pablo Larraín
★★★½☆
ถือว่าเข้าโรงได้จังหวะดีทีเดียวสำหรับ “Jackie” ภาพยนตร์ชีวประวัติอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสอดคล้องกับช่วงนี้ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดีจาก บารัค โอบามา ไปเป็น โดนัลด์ ทรัมพ์ และสตรีหมายเลขหนึ่งจาก มิเชล โอบามา ไปยัง เมลาเนีย ทรัมพ์ โดยประธานาธิบดีคนใหม่จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้
“Don’t marry the president.”
“อย่าได้แต่งงานกับประธานาธิบดี” คือคำแนะนำที่อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งบอกนักข่าวในภาพยนตร์เรื่อง “Jackie” ซึ่งอาจดูย้อนแย้งกับภาพการเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอันสวยหรูของ แจ็คกี้ เคนเนดี้ แต่ก็คงไม่ผิดหากเธอจะกล่าวเช่นนั้น ในเมื่อเธอถูกพรากจากสามีไปอย่างโหดร้าย สามีผู้ได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 แห่งสหรัฐอเมริกา
ในฐานะสตรีหมายเลขหนึ่งหรือคุณนายเคนเนดี้ เธอคือสตรีรสนิยมดีที่สง่างามทั้งการแต่งตัว และความรู้รอบด้านศิลปะวรรณกรรม ซึ่งเธอได้เนรมิตทำเนียบขาวให้มีความเป็นบ้าน พร้อมนำข้าวของที่เปี่ยมคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาตกแต่งห้อง เพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็นมากกว่าที่นอนของครอบครัวประธานาธิบดี นอกจากจะเป็นที่รักของสื่อมวลชนแล้ว เธอยังเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งคนเดียวที่คว้ารางวัล Emmy มาในปี 1962 จากการพาผู้ชมทัวร์ทำเนียบขาวผ่านภาพยนตร์สารคดีที่ฉายทางโทรทัศน์
อาจดูโหดร้าย แต่ไม่มีใครได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของแจ็คกี้เลย ก่อนเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1963 แต่ภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง “Jacky” ก็นำเสนอออกมาได้อย่างบีบคั้น
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญของประเทศตั้งแต่อายุ 31 ปี
การเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ของชีวิตในอีก 2 ปีให้หลัง
การเห็นคนรักเสียชีวิตลงตรงหน้าโดยที่ตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
การมองเห็นสิ่งที่พยายาม สิ่งที่ฝัน ทลายลงชั่วพริบตา
การทนใส่ชุดสีชมพูเปื้อนเลือดคนรักทั้งวัน เพื่อให้โลกได้ประจักษ์ถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้น
การรับมือกับความเศร้าไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมมาในชีวิต
การผันแปรจาก First Lady เป็น nobody ที่พร้อมถูกเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์
แจ็คกี้ ต้องแกร่งขนาดไหนถึงประครองสติตัวเองและฝ่าฟันวิกฤตเหล่านี้มาได้ โดยยังคงความสง่างามไว้อยู่
ปฎิเสธไม่ได้ว่าการแสดงของ นาตาลี พอร์ตแมน ซึ่งสะท้อนความเสียใจ โกรธ สับสน และพยายามหาคำตอบให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ช่วยตรึงอารมณ์ผู้ชมให้อยู่กับหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะหากคนดูเคยเห็นสารคดีหรือบทสัมภาษณ์ของ แจ็คกี้ เคนเนดี้ มาแล้ว ก็จะยิ่งทึ่งกับการแสดงของเธอ โดยเฉพาะการพูด สำเนียง และโทนเสียงขณะที่พาทัวร์ทำเนียบขาว ซึ่งดูแตกต่างจากตอนที่เธอให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอย่างชัดเจน จนมั่นใจได้ว่าจะมีชื่อ นาตาลี พอร์ตแมน ชิงรางวัลในหลายเวทีอย่างแน่นอน
นอกจากฉากลอบสังหารแล้ว ฉากที่ชวนติดตามคือการประชันชั้นเชิงของแจ็คกี้และ ธีโอดอร์ เอช. ไวท์ (Theodore H. White รับบทโดย บิลลี ครูดัพ) นักข่าวการเมืองรุ่นเก๋า โดยแจ็คกี้ได้แสดงให้เห็นว่าเธอรู้แกวนักข่าวเป็นอย่างดีว่าต้องการอะไรจากเธอ และการพูดแบบไหนที่จะช่วยให้เธอและสามีเป็นที่จดจำไปอีกนาน
ก่อนหน้านี้ผู้กำกับชาวชิลี ปาโบล ลาร์ราอิน (Pablo Larraín) เคยสร้างหนังชีวประวัติมาแล้วในเรื่อง “Neruda (2016)” ที่เล่าถึงการลี้ภัยทางการเมืองของกวีดังแห่งละตินอเมริกา ปาโบล เนรูดา รวมถึงหนังสะท้อนพลังของประชาชนในการลงประชามติครั้งสำคัญของชิลี “No (2012)” ซึ่ง “Jackie” นั้นซื่อสัตย์กับประวัติศาสตร์มากทีเดียว และพยายามรักษาภาพจำต่างๆ ไว้อย่างดี โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย โดยผู้กำกับได้ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างล้ำลึก ขับด้วยดนตรีประกอบที่ฟังดูแปร่ง ก็ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความเว้าแหว่งของแจ็คกี้มากยิ่งขึ้น แต่บางฉากชวนให้นึกถึง เทอร์เรนซ์ มาลิค (Terrence Malick – ผู้กำกับ The Tree of Life, To The Wonder, Knight of Cups) ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แก้วตา
19.01.17