ดอกไม้ช่อแรก

 

อากาศติดลบในค่ำคืนที่หิมะตกหนักที่สุดในรอบ 50 ปีของกรุงมอสโคว์อาจทำให้รู้สึกหนาวจนตัวสั่น แต่เมื่อขึ้นได้รถแท็กซี่คันนี้ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นทันที คงเป็นเพราะฮีทเตอร์ที่ให้ไออุ่น หรือไม่ก็เพราะดอกไม้ช่อเล็กๆ ที่อยู่ในมือตอนนี้

 

ระหว่างขับรถชายชาวอาร์เมเนียวัยกลางคนพยายามชวนคุยโดยใช้ภาษาสเปนขั้นพื้นฐาน โชคดีที่ฉันเคยเรียนภาษาสเปนมาบ้าง แม้จะจำไวยากรณ์ได้เลือนลางแต่ก็ยังพอสื่อสารได้อยู่ ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญที่คนแปลกหน้าสองคนจากต่างถิ่นได้มาเจอกันที่ประเทศรัสเซีย และสื่อสารกันด้วยภาษาที่แต่ละคนไม่คุ้นชิน

 

อาจเป็นเพราะความไม่คุ้นชินนี้เองที่ทำให้คนเรากล้าเปิดใจบอกความลับหรือสิ่งที่ไม่เคยพูดที่ไหนให้กับคนแปลกหน้า รวมถึงโอกาสที่จะได้โคจรมาพบกันอีกนั้นก็แทบจะไม่มี ซึ่งดูเหมือนโชเฟอร์ของฉันในค่ำคืนนี้ต้องการจะใช้สิทธิ์คนแปลกหน้าอย่างเต็มที่ ถึงได้ยิงสารพัดคำถามมาให้ฉันคอยนึกศัพท์ภาษาสเปนมาตอบอยู่ตลอดเวลาชั่วโมงกว่าๆ ที่มุ่งหน้าไปยังสนามบินโดโมเดโดโว ซึ่งบางคำถามก็ตอบยากด้วยความที่จำศัพท์ไม่ได้ และบางอย่างก็ดูเป็นแนวคิดที่นามธรรมหรือล้ำจนเกินอธิบาย อย่างไรก็ตามฉันก็ขอใช้สิทธิ์คนแปลกหน้าด้วยเช่นกัน พร้อมโยนคำถามที่อยากรู้ไปมากมายจนบางครั้งเขาดูเครียด แต่เขาก็ตอบมาให้ฉันเข้าใจอะไรมากขึ้น

 

ขณะที่รถติดไฟแดง อยู่ๆ เขาก็ลดกระจกรถลงและเรียกผู้หญิงที่กำลังขายดอกไม้ให้มาหา อีกไม่กี่นาทีถัดมาช่อดอกไม้สีขาวนี้ก็มาอยู่ในมือฉัน แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่านี่คือดอกอะไร แต่เมื่อลองดมดูก็รู้สึกดีเหมือนมีกลิ่นของหิมะอยู่จางๆ ว่าแต่หิมะนี่มีกลิ่นด้วยเหรอ ชายแปลกหน้าบอกว่าให้ดอกไม้นี้กับฉันเพราะอีกไม่กี่วันจะถึงวันสตรีสากลแล้ว ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่รัสเซียว่าผู้ชายจะต้องให้ดอกไม้แก่ผู้หญิง และอีกอย่างคือเขาอยากสูบบุหรี่ เลยเหมือนจะให้เพื่อปลอบใจกลายๆ ว่าดมดอกไม้ไปนะ … ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขาคงไม่รู้ว่านี่เป็นช่อดอกไม้ช่อแรกที่ฉันได้ในชีวิต และนี่คงเป็นหนึ่งในความลับที่ฉันไม่ได้บอกชายแปลกหน้าผู้นี้ พร้อมกับความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ตอบแทนเขาอย่างเต็มที่ในตอนท้าย

 

บทสนทนากับชายแปลกหน้าในรถที่คิดว่าจะเป็นความลับไปตลอดก็กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเพื่อนร่วมทริปมาเฉลยทีหลังว่าพอฟังภาษาสเปนออก ฉันก็ได้แต่คิดทบทวนว่าตัวเองหลุดปากพูดอะไรไปมากแค่ไหน

 

จริงๆ แล้วสิ่งที่เรียกว่าความลับนั้นอาจไม่มีอยู่จริงก็ได้ แต่เป็นเพียงสิ่งที่เรารู้สึกว่าบอกคนอื่นได้และสิ่งที่เราอยากบอกเฉพาะบางคน ซึ่งในชีวิตของแต่ละคนคงมีคนกลุ่มพิเศษไม่มากนักที่เรารู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ และสามารถเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังได้อย่างสบายใจ เพราะบางคนถึงแม้จะสนิทและใกล้ชิดกันขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากบอกอะไร หรือบางคนก็ได้ทำลายความเชื่อใจที่เคยมีให้ไปหมดแล้ว ซึ่งก็คงยากที่จะสร้างความไว้ใจกลับคืนมาอีกครั้งในชั่วข้ามคืน

 

บางทีความลับก็เป็นสิ่งสวยงามที่เย้ายวนให้ผู้คนมาร่วมไขปริศนา แต่บางทีคนเราก็อาจไม่จำเป็นต้องพยายามไขว่คว้าหาคำตอบอะไรมากมาย เพียงแค่ลองถามในสิ่งที่อยากรู้ ถ้าคุณคือคนที่เขาเชื่อใจ คุณก็อาจได้คำตอบนั้นอย่างง่ายดาย 🙂

 

แก้วตา
04.06.2016