Touken Ranbu: The Musical KASHUU KIYOMITSU SOLO PERFORMANCE ASIA TOUR IN BANGKOK

ครั้งแรกที่เห็นโฆษณาการแสดงนี้ก็แอบสนใจอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะไม่เคยดูมิวสิคัลฝั่งญี่ปุ่นเลย แต่ราคาบัตรก็แรงอยู่ (3,500 – 4,000 บาท) เลยหักห้ามใจได้ ซึ่งต่อมาได้ลองไปเล่นเกมชิงรางวัลกับเพจแห่งหนึ่งดู และโชคดีได้ตั๋วมาแบบฟลุคๆ เพื่อชมโชว์ในวันที่ 24 พ.ค. 2019 เลยตั้งใจว่าจะไม่อ่านข้อมูลอะไรเกี่ยวกับการแสดงนี้ไปก่อนเลย เพราะอยากนำเสนอมุมมองของคนทั่วไปที่ได้ไปชมการแสดงที่ดูเจาะกลุ่มแฟนคลับเฉพาะกลุ่มแบบนี้

ผลเป็นอย่างไรเหรอคะ

ก็ดูโดยไม่เข้าใจอะไรเลยสิคะ! 555+

ก่อนอื่นต้องโทษตัวเองที่เข้าใจผิดนึกว่าการแสดงนี้เป็นมิวสิคัลแบบเต็มรูปแบบ เพราะที่จริงแล้วเป็นโชว์เดี่ยวของนักแสดงที่เล่นเป็นตัวละครเด่นที่ชื่อ Kashuu Kiyomitsu (คะชู คิโยมิตสึ) ในมิวสิคัล Touken Ranbu (โทเคนรันบุ) ซึ่งสร้างมาจากเกมดังของญี่ปุ่นอีกที โดยตัวละครหลักในเรื่องก็คือสารพัด ‘หนุ่มดาบ’ ซึ่งเป็นชายหนุ่มรูปงามที่มีลักษณะภายนอกและนิสัยคล้ายกับดาบญี่ปุ่น

พอโชว์เริ่มในเวลา 19.30 น. เป๊ะ Sato Ryuji (ซาโต้ ริวจิ) ก็ปรากฏตัวบนเวที โดยมีแดนเซอร์ 6 คนมาช่วยสร้างสีสัน ด้านแฟนคลับในโรงละครสยามพิฆเนศก็พร้อมใจกันถือแท่งไฟสีแดงโบกไปมาตามจังหวะและอารมณ์ของแต่ละเพลง

ด้วยความที่ไม่เคยฟังเพลงในโชว์มาก่อนเลยสักเพลง ไม่รู้เรื่องราวของตัวละครนี้ และไม่มีเซอร์ไตเติ้ลขึ้นเพื่อช่วยแปลแม้แต่น้อย เลยทำให้ไม่เข้าใจบริบทของการแสดงในช่วงแรกแม้แต่น้อย ยิ่งตอนที่นักแสดงพูดทักทายแฟนคลับหลังจบเพลงเซ็ตแรก โดยเริ่มจากคำศัพท์ภาษาไทยเบื้องต้น ก่อนจะพูดภาษาญี่ปุ่นรัวๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกแปลกแยกมากยิ่งขึ้น

แต่ความรู้สึก Culture shock ก็ค่อยๆ จางลงเมื่อเริ่มเพลงเซ็ตที่ 2 ซึ่งออกแนวฮิปฮอป และเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นเมื่อถึงพาร์ตย้อนอดีตที่ดูจะเล่าเรื่องราวของตัวละครว่ามีที่มาอย่างไร มีบาดแผลตรงไหน และกลับมาไฝว้ต่อได้อย่างไร เลยทำให้การแสดงดูเพลินมากขึ้น ยิ่งตื่นตามากขึ้นตอนที่มีโชว์ประชันดาบท่ามกลางกลีบกุหลาบ ตีกลองญี่ปุ่น โชว์ควงแท่งไฟที่มีลวดลายสวยมากๆ รวมถึงช่วงอังกอร์ เลยแอบเข้าใจความรู้สึกของแฟนๆ เลยว่าทำไมถึงกรี๊ดคาแรกเตอร์นี้ และโชว์แนวนี้

โดยรวมแล้วโปรดักชันงานนี้ดีทีเดียว ดูมินิมอลไม่ได้เปลี่ยนฉากอะไรมากมาย แต่ก็ใช้งานได้คุ้มค่าทุกภาคส่วน มีการออกแบบท่าเต้นและจัดวางแดนเซอร์ในจุดที่เหมาะสม และถึงจะฟังเพลงไม่ออก แต่หลายเพลงก็มีจังหวะติดหูและน่าสนใจทีเดียว ส่วนแสงสีเสียง รวมถึงจอด้านหลังเวทีนี่ดีงาม เสียดายแค่ว่าตรงที่นั่งมองเห็นจอไม่ครบ 100%

สำหรับซาโต้ ริวจิ ก็เก่งมากมาย โดยเฉพาะการร้อง รู้จักเซฟพลังตัวเองได้ดี ทำให้สามารถแสดงครบ 1 ชั่วโมงครึ่งได้อย่างราบรื่น ซึ่งมีข้อด้อยคืออาจทำให้การเต้นดูไม่คมและเปี่ยมพลังเท่าที่ควร แต่ริวจิก็ดูจะฟื้นพลังขึ้นมาอีกครั้งในช่วงอังกอร์ ซึ่งทำให้รู้สึกประทับใจการเต้นในช่วงนั้นมากกว่าการชมโชว์ทั้งหมด และการแสดงยังออกแบบให้ริวจิได้แสดงความสามารถของตัวเองที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กรอบของตัวละครอย่างเดียวอีกด้วย จึงทำให้เห็นว่าเขาเป็น ‘performer’ ที่ดีคนนึงทีเดียว ยิ่งได้เห็นคลิปตัวอย่างจากมิวสิคัลแล้ว ยิ่งทำให้อยากดูเวอร์ชันละครเวทีแบบเต็มรูปแบบมากขึ้น

สรุปคือ การแสดงนี้เหมาะสำหรับแฟนคลับเกม ละครเวที และซาโต้ ริวจิ ซึ่งแน่นอนว่าต้องเข้าใจภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้ว สำหรับคนที่ไม่ได้รู้จักจักรวาลนี้มาก่อน การแสดงนี้ก็ดูได้เพลินๆ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่น่าสนใจ นอกจากนั้น ยังรู้สึกชื่นชมการต่อยอดธุรกิจเชิงศิลปวัฒธรรมของญี่ปุ่นมากมาย ที่สามารถสร้างสรรค์เกมฮิตซึ่งสอดแทรกประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่างลงตัว จนมีการนำไปต่อยอดทำเป็นอนิเมะ ภาพยนตร์คนแสดง ละครเวที และ ‘มิวสิคัล 2.5 มิติ’ ที่อยู่ระหว่างโลกอนิเมะ 2 มิติ กับโลกแห่งความจริงที่เป็น 3 มิติ (เป็นศัพท์ใหม่ที่เพิ่งรู้จากการแสดงนี้)