ร่วมสำรวจสามย่านที่เปลี่ยนไปใน “ขอให้สามย่านวันนี้อากาศดี”
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง:
เว็บไซต์มติชน (วันที่ 7 พฤษภาคม 2565)
หนังสือพิมพ์มติชน (วันที่ 10 พฤษภาคม 2565)
ในบ่ายวันอาทิตย์ของเดือนเมษายนที่อากาศร้อนอบอ้าว แต่ฟ้ากลับครึ้มคล้ายฝนจะตก คนกลุ่มหนึ่งได้ร่วมกันเดินสำรวจและลิ้มรสขนมจากร้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เก่าแก่อย่างสามย่าน พร้อมรับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับความทรงจำและความเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้น ณ บริเวณนั้นผ่านการแสดง “ขอให้สามย่านวันนี้อากาศดี: Hope It’s Mostly Sunny in Samyan” โดยคณะละคร Circle Theatre
ทัวร์สามย่านเริ่มต้นในเวลา 14.00 น. ที่ศาลเจ้าปึงเถ่ากง ศาลเก่าแก่ที่เคยเป็นที่พึ่งทางใจให้กับคนค้าขายในย่านนี้ ซึ่งได้รับการรีโนเวทให้ดูทันสมัย เข้ากับอาคารสไตล์จีน-โปรตุเกสที่รายล้อมอยู่ในบริเวณดราก้อนทาวน์ โดยมีวัยรุ่นผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาหามุมสวยๆ ถ่ายรูปรับปริญญาและคอสเพลย์อย่างไม่ขาดสาย รวมถึงกองถ่ายที่เข้ามาจับจองพื้นที่ตั้งแต่เช้าและกำลังทำพิธีไล่ฝนเมื่อเห็นเมฆดำลอยมา ขณะที่ผู้ชมการแสดงซึ่งจำกัดจำนวนไว้รอบละ 17 คนได้พากันเดินไปยังจุดหมายแรกที่อยู่ห่างจากศาลเจ้าไปไม่เกิน 10 ก้าว
เมื่อถึงร้าน ‘ฉูฝาง’ อาหารจานแรกก็วางรออยู่บนโต๊ะแล้ว นั่นคือ ‘ฝันโก๋’ อาหารจีนคล้ายเกี๊ยวสอดไส้หมู กินคู่กับชาสมุนไพรจีนผสมน้ำเก๊กฮวยเย็นๆ ให้คลายร้อน หลังจากที่คนดูได้ลิ้มรสอาหารไม่นาน การแสดงก็เริ่มต้นขึ้นผ่านบทสนทนาระหว่าง ‘แชมป์’ (แสดงโดยวิศรุต หอมหวน) เจ้าของบาร์ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการในช่วงโควิด-19 จนต้องเบนเข็มมาปลูกดอกไม้ขายแทน และ ‘อาเจ็ก’ (รับบทโดยสายฟ้า ตันธนา) คนไทยเชื้อสายจีนที่ทำมาหากินอยู่ในย่านนี้มานานก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปยังรุ่นลูก ซึ่งพยายามปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ตอบโจทย์พื้นที่ที่เปลี่ยนไป
หลังจากนั้นทีมงานก็ได้พาคนดูเดินลัดเลาะซอกตึกไปพบกับคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ ‘พริม’ (แสดงโดยจิดาภา ผลโรจน์ปัญญา) ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง แต่ ‘เคน’ (รับบทโดยมนต์สุนทร สุราช – ผู้กำกับศิลป์ของคณะละคร) กลับดูเหมือนจะไม่สนับสนุนเธอในเส้นทางสายนี้ จนทั้งคู่ทะเลาะกันและเดินออกไปจากบริเวณนั้น โดยทีมงานได้พาผู้ชมเดินต่อไปยังร้าน ‘สำรับใหญ่’ และพบว่าพริมไปที่นั่นเพื่อหาหมอดู (แสดงโดยสิรภพ อัตโตหิ) บนชั้น 2 ของร้านซึ่งตกแต่งในสไตล์บ้านไม้แบบไทยๆ ซึ่งคนดูได้ดื่มน้ำกุหลาบฝางและกินขนมไทยโบราณอย่างเกสรลำเจียกและกลีบลำดวนลายประจำ ไปพร้อมกับรับฟังคำทำนายดวงชะตาของพริมถึงเรื่องราวในอนาคตทั้งการงาน ความรัก และความฝัน
ผู้ชมออกเดินทางต่อไปตามซอยจุฬาลงกรณ์ 12 จนพบกับตัวละครใหม่ ‘ครีม’ (รับบทโดยณัฏฐานันท์ ภู่สกุล) ซึ่งเป็นเพื่อนกับแชมป์ เป็นพี่สาวของเคน และเป็นลูกของอาเจ็ก โดยคนดูได้ขึ้นไปสำรวจชั้น 2 อันว่างเปล่าของร้าน ‘ถ้วยถังไอติม’ ก่อนจะเดินลงมาชั้นล่างที่ตกแต่งอย่างสวยงามในสไตล์จีนร่วมสมัยโดยมีแอร์เย็นๆ พร้อมไอศกรีมโฮมเมดรสชาติเข้มข้นช่วยดับร้อน บทสนทนาของ 3 สมาชิกต่างวัยในครอบครัวยังดำเนินต่อไป ซึ่งทำให้ผู้ชมได้เห็นแนวคิดในการทำธุรกิจที่แตกต่างกันของคนต่างรุ่น ต่างบริบททางสังคมและพื้นที่ รวมถึงความพยายามในการผสมผสานสิ่งเก่าและสิ่งใหม่ไว้ด้วยกัน ก่อนที่คนดูจะเดินฝ่าความร้อนไปตามถนนบรรทัดทองจนถึงอุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้พบกับพริมและเคนอีกครั้งหน้าศาลเจ้าแม่ทับทิมแห่งใหม่ ซึ่งทั้งคู่ได้มาขอพรให้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในอนาคต
Circle Theatre เป็นหนึ่งในคณะละครที่ร่วมแสดงในเทศกาล ‘สามย่าน ละลานใจ’ และได้นำข้อมูลที่ได้จากการร่วมสำรวจชุมชนสามย่านมาพัฒนาเป็นบทละคร (เขียนโดยนัทธมน เปรมสำราญ) เพื่อสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่และวิถีชีวิตของผู้คนตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดย “ขอให้สามย่านวันนี้อากาศดี” เป็นการแสดง site-specific (การแสดงที่สร้างขึ้นในพื้นที่เฉพาะเจาะจง) ที่จัดแสดงกลางแจ้งทั้งในแง่ของการอยู่นอกโรงละครและการอยู่ท่ามกลางแสงแดด จึงมีความท้าทายหลายอย่างจากปัจจัยภายนอกที่ไม่อาจควบคุมได้ เช่น อากาศ ผู้คนหรือสิ่งรอบตัวซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่คาดฝัน หรือแม้แต่ผู้ชมเองที่อาจเดินไปผิดจุดหรือไม่ได้ยินบทสนทนาชัดเจน แต่ผู้กำกับ (ภัสสร์ภวิศา จิวพัฒนกุล) และทีมงานก็ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น โดยมีจุดพักเป็นระยะเพื่อให้ผู้ชมได้สแกน QR Code รับฟังเรื่องราวจากอดีตและอนาคตที่เชื่อมโยงกับสามย่านสลับกันไป
ตลอด 2 ชั่วโมงของการร่วมสำรวจสามย่านผ่านเรื่องราวของ 6 ตัวละครในสถานที่จริง และแวดล้อมด้วยผู้คนที่เผชิญเรื่องราวเหล่านี้จริงๆ ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่นี้ชัดเจนยิ่งขึ้น จากในอดีตที่บริเวณนี้เป็นชุมชนห้องแถวที่เต็มไปด้วยผู้สูงวัย ตลาด และเซียงกง ในวันนี้ถูกแทนที่ด้วยตึกสูง ห้างสรรพสินค้า ร้านเก๋ๆ ที่เน้นดึงดูดคนรุ่นใหม่ ไปพร้อมกับความพยายามในการรักษาเอกลักษณ์ของย่านนี้เอาไว้ นอกจากนั้น การแสดงเรื่องนี้ยังทำให้เห็นว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อไม่ต่างจากสภาพอากาศ ที่เช้ามาอาจอากาศดี ช่วงสายอาจมีแดดจ้า ตอนบ่ายอาจมีพายุกระหน่ำ ซึ่งสภาพสังคมก็อาจผันแปรได้ท่ามกลางกระแสทุนนิยม แม้ว่าจะมีคนที่สามารถปรับตัวและอยู่รอดต่อไปได้ แต่สำหรับบางคนก็อาจทำได้แค่เพียงฝากความหวังไว้กับโชคชะตาที่จะมาช่วยดลบันดาลให้พวกเขาได้สัมผัสอากาศดีอีกครั้งหนึ่ง