Her [2013]

her-movie-poster

Her [2013]
Directed by Spike Jonze
★★★★½

ขอประเดิมการเขียนบล็อกแรกของปี 2014 ด้วยหนังที่เข้าชิง 5 ออสก้าร์อย่างเรื่อง ‘Her’ หรือชื่อไทยเก๋ๆ ว่า ‘รักดังฟังชัด’ (ที่จริงก็มีหนังที่ได้ดูก่อนหน้านี้ แต่ไว้ค่อยมาเขียนย้อนทีหลังแล้วกัน) ซึ่งเรื่องนี้แอบผิดขนบการดูหนังของเราไปหน่อย เพราะปกติจะไม่ค่อยอยากเสพย์หรือรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหนังมากนัก แต่ด้วยหน้าที่การงานเลยต้องบริโภคข้อมูล และบทวิจารณ์หนังเรื่องนี้เยอะระดับหนึ่ง เลยค่อนข้างจะเดาอะไรได้เยอะก่อนดูหนังจริง

 

her-movie

 

Her [2013] เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยมีตัวละครหลักคือ Theodore [แสดงโดย Joaquin Phoenix] หนุ่มใหญ่ขี้เหงาที่เพิ่งเลิกกับเมีย มีอาชีพเป็นนักเขียนจดหมายบอกความรู้สึกให้ลูกค้า แต่ชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อได้รู้จักระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า Samantha [พากย์เสียงโดย Scarlett Johansson] ซึ่งสามารถใช้เสียงโต้ตอบกับมนุษย์ได้แทบไม่ต่างจากคนทั่วไป แถมยังฉลาด มีอารมณ์ขัน และละเอียดอ่อน เหมือนมีความรู้สึกจริงๆ จนในที่สุดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ และกลายเป็นความรัก

ความรักระหว่างคนกับเทคโนโลยีอาจดูไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเรา เพราะชีวิตจริงก็พอเห็นได้บ้าง อย่างข่าวคนญี่ปุ่นแต่งงานกับสาวในเกม หรือที่เห็นชัดๆ ก็คนทั่วไปนี่แหละที่ใช้ชีวิตติดจอ แทบไม่เงยหน้าออกจากโทรศัพท์มามองคนอื่น แต่ภาพยนตร์เรื่อง Her ก็ไปไกลกว่าที่คิด เพราะความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่ได้ต่างอะไรไปจากความรักที่เกิดขึ้นระหว่างชายหญิงในโลกของความเป็นจริงเลย และ Samantha ก็ไม่ต่างอะไรไปจากผู้หญิงที่มีเลือดเนื้อคนหนึ่ง ทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้กัน และเติบโตไปพร้อมๆ กัน

her-movie-2013-screenshot-future-la

บางคนอาจตั้งคำถามกับความรักครั้งนี้ การไม่มีร่างกายให้เห็น ให้สัมผัสกัน จำเป็นรึเปล่ากับการที่จะรักใครสักคน? แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร เราจะครอบครองคน/สิ่งที่เรารักได้นานแค่ไหน? ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง หรือแค่ความเหงา อยากได้ที่พึ่งพิงทางใจ? … ให้เราได้ย้อนคิดถึงความสัมพันธ์ และสงสัยไปด้วยว่าตกลงแล้วการเป็นคน มีตัวตนคืออะไร

จริงๆ Theodore ก็ตกอยู่ในสังคมงงงวยย้อนแย้งนี้ สิ่งที่เขาทำแต่ละวันก็ไม่ต่างอะไรกับ OS หรอก เขาเขียนจดหมายบอกความรู้สึกให้คนอื่น แต่สุดท้ายมันก็เป็นของคนอื่น ความรู้สึกคนอื่น ไม่ใช่ของเขา ไม่ใช่ความรู้สึกเขา ไม่มีอะไรจับต้องได้ให้ยึดเหนี่ยวสักอย่าง ซึ่งถ้าเทียบกับ Samantha ที่ดูเหมือนจะมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนคน พัฒนาล้ำหน้าระบบปฏิบัติการทั่วไป แต่เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่เธอพูด หรือคิด (process) มันเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกจริงๆ รึเปล่า หรือเธอเป็นเพียง ‘คนเขียนจดหมายรัก’ ไม่ต่างกับ Theodore ถ้าจะต่างกันก็มีแค่เรื่องที่เธอไม่มีร่างกายเท่านั้น … แต่พอเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มเห็นว่า Theodore ช่วยให้ Samantha ค้นพบอะไรหลายอย่าง ในขณะที่ Samantha ก็พยายามทำให้ความรู้สึกของ Theodore จับต้องได้ และเป็นของเขาจริงๆ จนถึงจุดที่เขาได้เข้าใจอะไรมากขึ้น และรู้จักถ่ายทอดความรู้สึกที่เป็นของเขาจริงๆ เสียที

2013-12-17-her1

แอบรู้สึกว่าตัวเองเขียนงง อาจเพราะยังตกตะกอนความคิดไม่ดีนัก เพราะระหว่างดูหนังก็รู้สึกเหงา เศร้า ซึ้ง ตามตัวละครไปด้วย แต่พอหนังจบ End Credit ขึ้นพร้อมๆ กับไฟในโรงที่ค่อยๆ สว่าง หันมามองคนในโรงหนังที่ค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้ ก็รู้สึกสตันท์ไป 3 วิ เพราะนึกว่ายังอยู่ในหนัง คนหยิบมือถือมาเช็กกันตรึม แทบไม่คุยกับคนใกล้ตัวเลย ก็เป็นอะไรที่อึ้งดีว่าคนยุคปัจจุบันนี่ติดเทคโนโลยีขนาดนี้ และอีกไม่นานอาจมี Samantha เกิดขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ … ก็ทำให้รู้สึกชอบหนังเรื่องนี้นะ แต่อาจยังไม่พีคเท่าไหร่

หลังดูหนังผ่านไปวันนึงก็เกิดความรู้สึกใหม่แวบขึ้นมาว่าอยากเป็น Samantha … โอเค ไม่ได้อยากเสียงเซ็กซี่ขี้เล่นแบบชี แต่เริ่มคิดทบทวนสิ่งที่ Samantha พูดถึงข้อดีของการที่ไม่มีร่างกายเหมือนมนุษย์ และไม่ถูกจำกัดให้อยู่ในที่ไหนที่หนึ่ง ก็หลงใหลไอเดียนี้ แถมความคิดของเธอยังหลุดกรอบไปเกินกว่าข้อจำกัดของคนจะรั้งไว้ได้ ซึ่งมันดีออก ไม่แปลกที่เธออยากโบยบินมากกว่าโดนขังไว้อยู่ในกรง

สารภาพว่านี่เป็นหนังเรื่องแรกของ Spike Jonze ที่ได้ดู แถมเรื่องนี้ฮีเขียนบทและกำกับเองด้วย หลายคนก็บอกมาว่ารับประกันความแปลก ซึ่งพอดูแล้วก็รู้สึกว่าแปลกดี แต่ก็รับได้ ไม่ต่างจากสิ่งที่เห็นในชีวิตจริง และไม่มีอะไรตื่นเต้นเท่าที่ควร (กำลังคิดอยู่ว่ามันเป็นเรื่องปกติจริงๆ หรือเพราะอ่านข้อมูลมาเยอะไป) หนังมันก็เรื่อยๆ มาเรียงๆ มาก แต่ก็มี moment ที่ดีอยู่เยอะ ภาพสวย เพลงเลิศ และที่สำคัญต้องยกความดี ความชอบให้นาง Scarlett ที่มาแค่เสียง แต่ก็เซ็กซี่ และทำให้ OS มีชีวิตจริงๆ ส่วนเฮีย Joaquin ก็เล่นดี เห็นหน้าฮีแทบทุกฉาก แต่พอ in love ทีก็รู้สึกอินจริงๆ โลกสดใสไปหมด หรือตอนเศร้า สับสน ก็ทำให้รู้สึกอึดอัดไปด้วย อีกคนที่ต้องพูดถึงก็คือ Amy Adams ที่เห็นหน้าชีบ่อยมากในหนังช่วงนี้ จะว่าไปเพิ่งอ่านข่าวที่นักวิจารณ์ต่างชาติหาว่าเธอไม่สวย ที่จริงก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะรู้สึกว่าเธอเล่นหนังเจิดทุกเรื่อง แต่พอมาเรื่องนี้ก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าเธอก็หน้าตาเหมือนฝรั่งธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ ซึ่งชีก็ยังคงเล่นดีคงเส้นคงวาเหมือนเดิม

her-movie-2013-screenshot-la-skylne

:: สรุป ::

Her เป็นหนังรัก ไซไฟ ที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่งของปี 2013 นอกจากจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีแต่ด้านลบแล้ว ยังช่วยให้ได้คิดอะไรอีกมากมายเกี่ยวกับสังคมปัจจุบัน

:: TRAILER ::